

ทีมเข้าร่วมการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง
ปีนี้มี 18 ทีมเข้าร่วม ประกอบด้วย

โปรแกรมการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงของทีมชาติไทย


ข่าวเด็ด ดวงดี บันเทิงไวรัล ทุกวัน
เรื่องฮิตจากโซเชียลมีเดีย
ยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจ หลังจากที่ “เบส รักษ์วนีย์” ลูกสาวของนักชกเหรียญทองโอลิมปิกคนแรกของไทย “สมรักษ์ คำสิงห์” ได้ออกมาเปิดใจผ่านรายการ แฉ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยสาวเบสประกาศชัดเจนกลางรายการว่าหากพ่อไปสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาอีกจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป
[อ่านข่าวก่อนหน้านี้ : หนูเหนื่อยมาก! “เบส รักษ์วนีย์” ประกาศชัดเลิกยุ่งหาก “สมรักษ์” สร้างเรื่องอีก]
หลังจากที่เบสประกาศจุดยืนไม่ช่วยพ่ออีก หากมีเรื่องใหม่เกิดขึ้น ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย ทั้งให้กำลังใจและวิจารณ์ โดยหลายคนเห็นใจเบสที่ต้องทำงานหนักและหาเงินใช้หนี้ให้พ่อมาหลายครั้ง พร้อมทั้งชื่นชมความกตัญญูและอดทนของเธอ
หลังจากลูกสาวออกมาประกาศจุดยืน สมรักษ์ก็ได้โพสต์คลิปผ่านเฟซบุ๊ก ขณะนำผักไปเลี้ยงเต่ายักษ์ที่น้ำหนักประมาณ 40-50 กิโลกรัม โดยในคลิปได้พูดคุยกับเจ้าของเต่าว่า “เต่ากินเยอะไหม” ซึ่งเจ้าของตอบว่า “ทั้งถุงเลยพี่บาส ถุงละตัว กินวันละถุง” และเมื่อถามว่า “เต่ากินเนื้อไหม” เจ้าของก็ตอบว่า “ไม่กิน กินแต่ผักอย่างเดียว” ปิดท้ายคลิปด้วยวลีเด็ด “ไม่ได้โม้”
ชาวเน็ตที่ได้ชมคลิปต่างแสดงความคิดเห็นกันอย่างคึกคัก บ้างก็แซวว่า “พ่อบาสเลี้ยงไก่ชนเพื่อขายเถอะ อย่าเอาไก่ไปชนเองเพราะมันมีพนันขันต่อ”, “ก่อหนี้ที่ไหนอีก 555”, “นิทานก่อนนอน เต่ากับกระต่าย กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว” รวมถึงแสดงความห่วงใยว่าอยากให้สมรักษ์หยุดสร้างปัญหา เพื่อไม่ให้ลูกสาวต้องเหนื่อยอีก
นอกจากนี้ สมรักษ์ยังได้โพสต์คลิปในติ๊กต็อกเกี่ยวกับการไปเจาะเลือดและฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ บอกว่าหมอนัดทุก 2 เดือนเพื่อตรวจสุขภาพหลังจากปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือดสมอง หลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นทั้งให้กำลังใจและวิจารณ์ เช่น “ลูกสาวหาเงินใช้หนี้จนเหนื่อยหมดแล้วครับ”, “โชคดีมากที่ยังมีลูกที่ดี”, “อยู่บ้านเฉย ๆ ให้ลูกดูแลเถอะครับ หนี้สินตกอยู่ที่ใครมันเหนื่อยทุกคน”
@somluck_1616
ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ ชาวเน็ตส่วนใหญ่เห็นใจทั้งเบสและโบ๊ท ที่ต้องรับภาระจากปัญหาของพ่อ หลายคนแนะนำให้สมรักษ์หยุดสร้างความเดือดร้อนให้ลูก ๆ และใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่ที่บ้าน บ้างก็ให้กำลังใจทั้งครอบครัวว่าอย่าท้อแท้ เพราะถึงแม้จะมีปัญหา แต่ลูกทั้งสองคนก็ยังคงแสดงความกตัญญูและดูแลพ่อมาโดยตลอด
เรื่องราวนี้สะท้อนถึงความอดทนและความเสียสละของเบสที่ทำหน้าที่ลูกอย่างเต็มที่มาโดยตลอด แม้จะรู้สึกเหนื่อยและท้อ แต่ก็ยังคงยืนหยัดเพื่อครอบครัว พร้อมขอพื้นที่ให้ตัวเองได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระมากขึ้นในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก somluck_1616
อ่านข่าวที่น่าสนใจเพิ่มเติมที่ ดูอะไร
ยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโลก สำหรับ “โรคหัวใจ“
โดยในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคหัวใจเสียชีวิตมากถึง 70,000 รายต่อปี หรือเฉลี่ยทุก ๆ 7 นาที จะมีคนเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ ซึ่งในเขตบริการสุขภาพที่ 5 ผู้ป่วยต้องรอคอยการผ่าตัดหัวใจนานถึง 1-4 เดือน เนื่องจาก โรคหัวใจรอไม่ได้ ทำให้บางรายอาจเสียชีวิตก่อนที่จะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
โรงพยาบาลบ้านแพ้วได้เตรียมจัดสร้างอาคาร โรงพยาบาลหัวใจบ้านแพ้ว มูลค่า 520 ล้านบาท ซึ่งได้รับบริจาคจากบริษัท โงวฮก จำกัด แต่ยังขาด ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ด้านหัวใจ อีกจำนวนมาก เพื่อทำให้โครงการนี้สามารถรองรับการรักษาผู้ป่วยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เพื่อให้ความหวังในการรักษาโรคหัวใจเป็นจริง โรงพยาบาลบ้านแพ้วขอเชิญชวนคนไทยร่วม “ให้ทุกหัวใจได้เต้นต่อ” เพราะทุกคนคือหัวใจของใครบางคน ด้วยการร่วมบริจาคเพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ด้านหัวใจ
ร่วมกันสร้างโอกาสให้ผู้ป่วยโรคหัวใจได้มีชีวิตยืนยาวขึ้น เพราะทุกหัวใจมีค่า ช่วยกันให้ทุกหัวใจได้เต้นต่อไป
อ่านข่าวที่น่าสนใจเพิ่มเติมที่ ดูอะไร
กลายเป็นดราม่าร้อนแรงในโลกโซเชียล เมื่อ อิงฟ้า วราหะ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ ถูกวิจารณ์หลังจากเดินทางไปร่วมงาน เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ (Cannes Film Festival) โดยมีข่าวลือแพร่สะพัดว่า อิงฟ้า และ บอสณวัฒน์ อิสรไกรศีล บิ๊กบอสแห่ง MGI ต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้เข้าร่วมงาน ซึ่งสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
[อ่านข่าวก่อนหน้านี้ : หน้าตาของเมืองไทย! เปิดลุค “อิงฟ้า วราหะ” เฉิดฉายเดินพรมแดงเทศกาลหนังเมืองคานส์ 2025]
ล่าสุด บอสณวัฒน์ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว โดยยืนยันอย่างหนักแน่นว่า อิงฟ้าเดินทางไปในฐานะนักแสดงเอเชีย ไม่ใช่การจ่ายเงินเพื่อปรากฏตัว และย้ำว่าการเดินทางครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนทั้งหมด ไม่มีการออกค่าใช้จ่ายเองแต่อย่างใด
บอสณวัฒน์ระบุเพิ่มเติมว่า “การเดินทางครั้งนี้ฟรีทั้งหมด” ครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำหรับอิงฟ้า ผู้ช่วย และค่าเดินทางในชั้นธุรกิจ โดยการไปครั้งนี้เป็นไปในฐานะ ศิลปิน ที่ได้รับเชิญเข้าร่วมงานภาพยนตร์ระดับโลก ไม่ใช่การปรากฏตัวเพื่อรับค่าจ้างตามที่หลายคนเข้าใจผิด
บอสณวัฒน์ยังย้ำว่า ข่าวลือที่กล่าวหาว่า อิงฟ้า และทีมงานต้องจ่ายเงินเพื่อไปร่วมงานนั้นไม่เป็นความจริง การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นจากการเชิญโดยตรง และได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ พร้อมกับระบุว่า อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจก่อนที่จะวิจารณ์ เพราะการนำเสนอข่าวลือโดยไม่มีมูลความจริงอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด
หลังจากบอสณวัฒน์ออกมาชี้แจง แฟนคลับและผู้สนับสนุนของอิงฟ้าได้ร่วมส่งกำลังใจอย่างล้นหลาม พร้อมแสดงความเห็นว่า การเข้าร่วมงานระดับโลกเช่นนี้คือความภาคภูมิใจของคนไทย และไม่ควรมีดราม่าที่ทำลายกำลังใจของศิลปิน
การปรากฏตัวของ อิงฟ้า วราหะ ในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในเส้นทางศิลปินไทย ที่สามารถนำชื่อเสียงของประเทศไทยไปสู่เวทีระดับนานาชาติ
พร้อมยืนยันว่าการเดินทางในครั้งนี้มีที่มาชัดเจนและได้รับการสนับสนุนอย่างถูกต้อง ไม่ใช่การจ่ายเงินเพื่อเข้าร่วมงานอย่างที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์
ขอบคุณข้อมูลจาก Instagram fa_engfa8
อ่านข่าวที่น่าสนใจเพิ่มเติมที่ ดูอะไร
เป็นเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจอย่างมาก เมื่อ CTWANT รายงานเรื่องราวของ แพทย์สาววัย 26 ปี ชื่อสกุลเซียง จากเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ที่กำลังเป็นกระแสในโซเชียลมีเดีย เนื่องจากอาชีพเสริมที่น่าตกตะลึงของเธอ นั่นคือ การเก็บขยะรีไซเคิลขาย ซึ่งสร้างรายได้มากกว่างานประจำในโรงพยาบาล
เซียงทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกฟื้นฟูสมรรถภาพของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หน้าที่หลักของเธอคือการช่วยดูแลผู้ป่วยสูงอายุ โดยเฉพาะด้านการฟื้นฟูการเคลื่อนไหว ทำงานตั้งแต่เวลา 8.00 น. – 17.30 น.
หลังเลิกงาน เซียงยังใช้เวลาไปช่วยพ่อแม่ที่สถานที่รีไซเคิลขยะ ซึ่งเน้นเก็บขยะรีไซเคิลประเภทโลหะและวัสดุอื่น ๆ เนื่องจากพ่อแม่ของเธอเปิดธุรกิจรีไซเคิลขยะ แม้จะมีคนงานช่วย แต่ขยะมีจำนวนมากจนทำให้พ่อแม่ต้องทำงานถึงดึกดื่น เธอจึงต้องการแบ่งเบาภาระของครอบครัว
แม้ว่าเซียงจะมีรายได้จากงานแพทย์ประมาณ 4,000 หยวนต่อเดือน (ราว 18,500 บาท) แต่รายได้จากการเก็บขยะกลับมากกว่านั้น ด้วยความตั้งใจช่วยครอบครัว แม้พ่อแม่จะยังให้เงินค่าขนมอยู่ เธอเลือกที่จะทำงานนี้โดยไม่สนคำครหาจากสังคม
เซียงเผยว่า แม้จะมีบางคนล้อเลียนว่าเธอเป็น “คนเก็บขยะ” แต่เธอก็ไม่ใส่ใจและยังคงภูมิใจกับสิ่งที่ทำ เพราะเธอเชื่อว่า การหาเงินอย่างสุจริตนั้นไม่ใช่เรื่องน่าละอาย บางคนมองว่าอาชีพนี้สกปรกและไม่ถูกสุขอนามัย แต่เซียงยืนยันว่า หากจัดการอย่างระมัดระวัง เช่น การคัดแยกโลหะอย่างเป็นระบบ จะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
“บอกตรง ๆ ว่า ตราบใดที่ฉันหาเงินได้ ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล” แพทย์สาวกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เซียงยังได้แชร์คลิปวิดีโอเล่าเรื่องราวชีวิตของเธอผ่านโซเชียล ซึ่งได้รับทั้งคำชื่นชมและคำวิจารณ์ แต่เธอเลือกที่จะยืนหยัดในเส้นทางของตนเอง เพราะเธอเชื่อว่าการทำงานหนักเพื่อครอบครัวคือสิ่งที่มีคุณค่า
เรื่องราวของเซียงเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายคนที่ได้เห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นงานอะไร ถ้าเป็นงานสุจริตและสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ ก็คือความภาคภูมิใจ และเธอเลือกที่จะเดินหน้าต่อไปโดยไม่ให้คำวิจารณ์มาทำลายความมุ่งมั่นของเธอ
ขอบคุณข้อมูลจาก CTWANT
อ่านข่าวที่น่าสนใจเพิ่มเติมที่ ดูอะไร
เบส รักษ์วนีย์ คำสิงห์ นักแสดงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวสุดกตัญญู ได้ออกมาเปิดใจถึงความเหนื่อยล้ากับภาระที่ต้องแบกรับมาตลอด ในการช่วยเหลือคุณพ่อ สมรักษ์ คำสิงห์ ทั้งในด้านการเงินและการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะการทำงานหาเงินเพื่อใช้หนี้ ซึ่งเธอทำหน้าที่เป็นเสาหลักของครอบครัวมาโดยตลอด
ล่าสุด เบส รักษ์วนีย์ พร้อมด้วยน้องชาย โบ๊ท คำสิงห์ ได้ออกมาเปิดใจผ่านรายการ แฉ โดยมีช่วงหนึ่งที่พิธีกร มดดำ คชาภา ได้ถามเบสว่า ได้บอกพ่อไหมว่าหนูเหนื่อย ซึ่งเบสตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “หนูบอกจนแบบหนูไม่บอกแล้วอะค่ะ” พร้อมเผยว่า แม้จะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือ แต่ก็รู้สึกท้อเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ใช่สิ่งที่เธอทำ แต่เธอก็ต้องรับผิดชอบ
เบสเผยว่า การที่เธอต้องหาเงินจำนวนมาก แล้วต้องนำไปใช้หนี้โดยที่ไม่ได้ใช้เอง ทำให้รู้สึกไม่มีความสุข แม้ภายนอกจะดูยิ้มแย้มและสดใสในหน้ากล้อง แต่ข้างในกลับรู้สึกเหนื่อยและหมดแรง เบสยังกล่าวอีกว่า พ่อมักจะมองว่าสิ่งที่เธอทำได้เงินมาง่าย เลยมีโปรเจกต์ต่าง ๆ ขึ้นตลอด เพราะคิดว่าลูกจะไปจัดการให้ แต่ความจริงแล้วการทำงานหนักเช่นนี้ทำให้เธอหมดกำลังใจ
“หนูอยากให้เขารู้ว่าที่เห็นหนูหน้ากล้อง หนูไม่ได้แฮปปี้ ข้างในหนูเหนื่อยจริง ๆ” เบสกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
นอกจากนี้ เบสยังประกาศกลางรายการว่า หลังจบคดีเด็ก 17 ปี หากพ่อมีโปรเจกต์เพิ่ม ขอไม่ยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป เพราะรู้สึกว่าได้ช่วยเต็มที่แล้ว ด้านน้องชาย โบ๊ท คำสิงห์ ก็เสริมว่า “โปรเจกต์หน้า เดี๋ยวให้ตำรวจช่วยเอาครับ โต ๆ กันแล้ว ผมก็อยู่ชีวิตของผมมีความสุขแล้ว”
เบสยังพูดถึงความกังวลว่า หากวันหนึ่งเธอไม่ช่วยเหลืออีก จะถูกมองว่าไม่กตัญญูหรือไม่รักพ่อหรือเปล่า พร้อมวอนชาวเน็ตและคนไทยให้เข้าใจว่า เธอได้ทำหน้าที่ลูกอย่างเต็มที่แล้ว ใช้หนี้จากคดีลอตเตอรี่ 20 ล้านไปจนหมด พร้อมขอให้ทุกคนเห็นใจและเปิดโอกาสให้เธอได้ใช้ชีวิตของตัวเองบ้าง
หลังจากบทสัมภาษณ์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป แฟน ๆ ต่างให้กำลังใจเบสและโบ๊ทอย่างล้นหลาม หลายคนชื่นชมความอดทนและความกตัญญูของเบส พร้อมสนับสนุนให้เธอได้มีพื้นที่ในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและเป็นตัวของตัวเอง
ชมคลิป
ขอบคุณข้อมูลจาก รายการ แฉ
อ่านข่าวที่น่าสนใจเพิ่มเติมที่ ดูอะไร
ทำเอาพรมแดงคานส์ลุกเป็นไฟอีกครั้ง! กับลุคสวยสะกดทุกสายตาของ “ปู ไปรยา“ ในงาน เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ (Cannes Film Festival) ครั้งที่ 78 ที่ประเทศฝรั่งเศส
ครั้งนี้เธอมาพร้อมกับความมั่นใจเต็มร้อย สวยสง่าในชุดราตรีสีขาวสะอาดตาจากแบรนด์ Vivienne Westwood โดดเด่นด้วยดีไซน์คอร์เซทซิกเนเจอร์ เพิ่มลูกเล่นด้วยไข่มุกระย้า สวยหรูผสมผสานกับเมคอัพและทรงผมที่ลงตัว พร้อมเครื่องประดับสุดอลังจาก Chopard และรองเท้าหรูจาก Giuseppe Zanotti เรียกได้ว่ายกระดับความสวยในสไตล์ตัวแม่แบบไร้ที่ติ
งานนี้ สาวปู ไม่ได้แค่ปรากฏตัวในฐานะนักแสดงไทย แต่ยังเป็นดาราฮอลลีวูดที่ครองใจสื่อมวลชนทั่วโลก
โดยเฉพาะกับประโยคเรียล ๆ ที่กลายเป็นไวรัลไปทั่วโซเชียล “ในฐานะคนสวย สวยขนาดนี้จะนอนอยู่บ้านเฉย ๆ ได้ไง” คำตอบที่ทั้งขำและคมจนถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง
แม้หลายคนจะคาใจว่า ปู ไปรยา ไปเมืองคานส์ในฐานะอะไร แต่ความจริงแล้ว การเดินพรมแดงครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพบปะสื่อมวลชนเพื่อโปรโมตผลงานภาพยนตร์ระดับโลก “Eyes in the Trees” หนังแนวไซไฟระทึกขวัญที่ดัดแปลงจากนวนิยายดัง “The Island of Doctor Moreau” โดยมีนักแสดงระดับโลกอย่าง Anthony Hopkins, Jonathan Rhys Meyers, และ Ashley Greene ร่วมแสดง โดยภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดเข้าฉายทั่วโลกปลายปีนี้
การปรากฏตัวของปูในงานรอบสื่อของภาพยนตร์ Mission: Impossible The Final Reckoning ทำเอาพี่ ๆ สื่อตาน้ำขาวยอมรับในความสวยแพงระดับห้าดาว เรียกได้ว่าทั้งลุคและความมั่นใจของเธอ สวยแบบไม่มีพัก สวยจนต้องให้คะแนนร้อยล้านไลค์!
ไม่ว่าจะในฐานะคนสวย หรือในฐานะนักแสดงระดับอินเตอร์ ปู ไปรยา ยังคงเดินหน้าสร้างชื่อเสียงให้กับคนไทยบนเวทีระดับโลกอย่างน่าภาคภูมิใจ
สวยสับแบบนี้ต้องปรบมือให้กับความจึ้งของเธอจริง ๆ!
[อ่านข่าวก่อนหน้า : “ปู ไปรยา” เผยเบื้องหลัง ยอมจ่ายเงินหลักล้านเพื่อความฝัน แม้ไม่มีสปอนเซอร์!]
ขอบคุณข้อมูลจาก Instagram prayalundberg
อ่านข่าวที่น่าสนใจเพิ่มเติมที่ ดูอะไร
สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการแฟชั่นไทยอย่างแท้จริง สำหรับ “ป่าน ณิชาภัทร” ที่กลายเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ก้าวขึ้นสู่พรมแดงในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 78 ปี 2025 งานใหญ่ระดับโลกที่รวบรวมคนดังจากหลากหลายวงการ
ป่านเริ่มต้นการศึกษาที่โรงเรียนพระหฤทัยดอนเมือง ก่อนจะเข้าสู่ระดับมัธยมปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แผนศิลป์-ภาษาเยอรมัน จากนั้นเธอเข้าศึกษาต่อที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เอกภาษาอังกฤษ โดยการเรียนด้านภาษาช่วยเสริมทักษะการสื่อสารและวิเคราะห์อย่างรอบด้าน
หลังจบการศึกษา ป่านตัดสินใจต่อยอดความรู้ด้านแฟชั่นด้วยการไปศึกษาระดับปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา โดยควบคู่ไปกับการฝึกงานในสายงานแฟชั่น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เธอได้เรียนรู้ทั้งในด้านทฤษฎีและการปฏิบัติอย่างจริงจัง
ป่านเริ่มต้นอาชีพแฟชั่นที่ Macy’s ในตำแหน่ง Assistant Buyer ก่อนจะขยับไปยัง Bloomingdale’s และ New York & Company ประสบการณ์จากการทำงานในแบรนด์ระดับโลกเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาทักษะด้านการออกแบบและความเข้าใจเชิงลึกในอุตสาหกรรมแฟชั่น
หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในสหรัฐอเมริกา ป่านได้พัฒนาบทบาทเป็นทั้งดีไซเนอร์และบล็อกเกอร์แฟชั่น สร้างชื่อเสียงในแวดวงแฟชั่นระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นงานแฟชั่นวีกในนิวยอร์ก ลอนดอน ปารีส หรือมิลาน
ในฐานะ Contributing Editor ของนิตยสาร Vogue ประเทศไทย ป่านได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำแฟชั่นชาวไทย เธอเคยได้รับเชิญไปร่วมงาน Met Gala ซึ่งเป็นหนึ่งในงานแฟชั่นระดับโลกที่รวมคนดังมากมาย การปรากฏตัวบนพรมแดงในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปีนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวที่ตอกย้ำความสำเร็จของเธอ
การเดินพรมแดงครั้งนี้ไม่เพียงเป็นความภาคภูมิใจส่วนตัว แต่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ในการก้าวเข้าสู่เวทีระดับสากล ป่าน ณิชาภัทร สุภาพ ไม่ได้เป็นเพียงตัวแทนของวงการแฟชั่นไทย แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนไทยทั่วโลกที่มุ่งมั่นและตั้งใจที่จะสร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติ
ขอบคุณข้อมูลจาก Instagram nichapat
อ่านข่าวที่น่าสนใจเพิ่มเติมที่ ดูอะไร
สร้างความฮือฮาอย่างมากในสังคม เมื่อคำทำนายของ “หมอปลาย พรายกระซิบ” กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง หลังจากที่เคยให้สัมภาษณ์กับทาง อมรินทร์ทีวี เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 โดยได้ทำนายถึงเหตุการณ์อื้อฉาวใน “วงการสงฆ์” ที่จะมีการโกงเกิดขึ้นจากวัดใหญ่และเป็นประเด็นระดับชาติในปี 2568
ในบทสัมภาษณ์นั้นหมอปลายกล่าวว่า จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ศาสนาพุทธในประเทศไทยเสื่อมเสีย จนต่างชาติอาจมองว่าไทยไม่ใช่เมืองพุทธอีกต่อไป โดยเริ่มจากพฤติกรรมของบางพระสงฆ์ที่เกี่ยวข้องกับการโกง โดยเฉพาะวัดใหญ่หรือวัดหลวง ซึ่งผู้เกี่ยวข้องจะมีอายุราว 40-50 ปี อีกทั้งยังทำนายว่าการโกงครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องการมั่วสุมสีกา และการโกงเงินที่สามารถจับได้คาหนังคาเขา
หมอปลายย้ำว่าระดับความผิดของเรื่องราวนี้ถือว่าอยู่ในระดับสูงสุดถึง เลเวล 100 มีการฟ้องร้องจนเป็นเรื่องใหญ่โต และจะมีอาจารย์ในวงการพระสงฆ์ที่โดนโจมตีหนักจากการพูดหรือกระทำจนก่อให้เกิดความเสื่อมเสียด้วยตัวเอง
ล่าสุดเมื่อเกิดเหตุการณ์ “เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง” เข้าพบตำรวจเพื่อชี้แจงข้อกล่าวหา ยักยอกเงินวัด 300 ล้านบาท โดยอ้างว่าติดพนันออนไลน์และมีนายหน้าหญิงสาวรับแทง จนเงินวัดเริ่มร่อยหรอ ทำให้เจ้าอาวาสต้องยืมเงินจากพระรูปอื่นมาใช้แก้ไขสถานการณ์ นอกจากนี้ยังพบว่ามีกรรมการบางคนโอนเงินให้เจ้าอาวาสก่อนจะโอนต่อไปยังหญิงสาวรายดังกล่าว
เมื่อเรื่องราวนี้ถูกเปิดเผย สังคมต่างหันมาจับตามองคำทำนายของหมอปลายอีกครั้ง เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่ตรงกับสิ่งที่หมอปลายเคยทำนายไว้ เรียกได้ว่าความแม่นของหมอปลาย พรายกระซิบ ยังคงเป็นที่พูดถึงและได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างต่อเนื่อง
ชมคลิป
ขอบคุณข้อมูลจาก AMARINTV : อมรินทร์ทีวี
อ่านข่าวที่น่าสนใจเพิ่มเติมที่ ดูอะไร