28/09/2025

สุขภาพ

สุขภาพ

เป็นเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจอย่างมาก เมื่อ CTWANT รายงานเรื่องราวของ แพทย์สาววัย 26 ปี ชื่อสกุลเซียง จากเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ที่กำลังเป็นกระแสในโซเชียลมีเดีย เนื่องจากอาชีพเสริมที่น่าตกตะลึงของเธอ นั่นคือ การเก็บขยะรีไซเคิลขาย ซึ่งสร้างรายได้มากกว่างานประจำในโรงพยาบาล

อาชีพหลักและอาชีพเสริมที่น่าทึ่งของแพทย์สาว

เซียงทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกฟื้นฟูสมรรถภาพของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หน้าที่หลักของเธอคือการช่วยดูแลผู้ป่วยสูงอายุ โดยเฉพาะด้านการฟื้นฟูการเคลื่อนไหว ทำงานตั้งแต่เวลา 8.00 น. – 17.30 น.

แพทย์สาว
แพทย์สาว

หลังเลิกงาน เซียงยังใช้เวลาไปช่วยพ่อแม่ที่สถานที่รีไซเคิลขยะ ซึ่งเน้นเก็บขยะรีไซเคิลประเภทโลหะและวัสดุอื่น ๆ เนื่องจากพ่อแม่ของเธอเปิดธุรกิจรีไซเคิลขยะ แม้จะมีคนงานช่วย แต่ขยะมีจำนวนมากจนทำให้พ่อแม่ต้องทำงานถึงดึกดื่น เธอจึงต้องการแบ่งเบาภาระของครอบครัว

แพทย์สาวกับรายได้จากงานเก็บขยะ

แม้ว่าเซียงจะมีรายได้จากงานแพทย์ประมาณ 4,000 หยวนต่อเดือน (ราว 18,500 บาท) แต่รายได้จากการเก็บขยะกลับมากกว่านั้น ด้วยความตั้งใจช่วยครอบครัว แม้พ่อแม่จะยังให้เงินค่าขนมอยู่ เธอเลือกที่จะทำงานนี้โดยไม่สนคำครหาจากสังคม

แพทย์สาว
แพทย์สาว

กระแสตอบรับทั้งบวกและลบ

เซียงเผยว่า แม้จะมีบางคนล้อเลียนว่าเธอเป็น “คนเก็บขยะ” แต่เธอก็ไม่ใส่ใจและยังคงภูมิใจกับสิ่งที่ทำ เพราะเธอเชื่อว่า การหาเงินอย่างสุจริตนั้นไม่ใช่เรื่องน่าละอาย บางคนมองว่าอาชีพนี้สกปรกและไม่ถูกสุขอนามัย แต่เซียงยืนยันว่า หากจัดการอย่างระมัดระวัง เช่น การคัดแยกโลหะอย่างเป็นระบบ จะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

“บอกตรง ๆ ว่า ตราบใดที่ฉันหาเงินได้ ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล” แพทย์สาวกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

แพทย์สาว
แพทย์สาว

การมองโลกในแง่บวก

เซียงยังได้แชร์คลิปวิดีโอเล่าเรื่องราวชีวิตของเธอผ่านโซเชียล ซึ่งได้รับทั้งคำชื่นชมและคำวิจารณ์ แต่เธอเลือกที่จะยืนหยัดในเส้นทางของตนเอง เพราะเธอเชื่อว่าการทำงานหนักเพื่อครอบครัวคือสิ่งที่มีคุณค่า

เรื่องราวของเซียงเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายคนที่ได้เห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นงานอะไร ถ้าเป็นงานสุจริตและสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ ก็คือความภาคภูมิใจ และเธอเลือกที่จะเดินหน้าต่อไปโดยไม่ให้คำวิจารณ์มาทำลายความมุ่งมั่นของเธอ

ขอบคุณข้อมูลจาก CTWANT

อ่านข่าวที่น่าสนใจเพิ่มเติมที่ ดูอะไร

แม้เราจะผ่านยุคโควิด-19 มาหลายปีแล้ว แต่ไวรัสตัวนี้ยังไม่ยอมไปไหนง่าย ๆ… โดยเฉพาะตอนนี้ ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับ โควิดสายพันธุ์ใหม่ JN.1 ที่กลายมาเป็น “สายพันธุ์หลัก” ไปเรียบร้อยแล้ว

แม้ความรุนแรงของเชื้อจะไม่ได้หนักเท่าเดิม แต่ความสามารถในการ “แพร่เชื้อเร็ว” และ “ติดซ้ำได้” ทำให้หลายคนเริ่มกลับมาระวังตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ หรือคนที่มีโรคประจำตัว

JN.1 คืออะไร? เชื้อกลายพันธุ์จากโอมิครอน

สายพันธุ์ JN.1 เป็นลูกหลานของโอมิครอน (Omicron) ที่พัฒนาตัวเองมาจากสายพันธุ์ย่อย BA.2.86 จุดเด่นของมันคือ “ดื้อภูมิมากขึ้น” และ “แพร่เร็วกว่า” สายพันธุ์อื่น ๆ

พูดง่าย ๆ คือ ถ้าคุณเคยติดเชื้อหรือเคยฉีดวัคซีนมาแล้ว… ก็ยังมีโอกาสติดเจ้า JN.1 ได้อีกอยู่ดี

อาการที่พบในผู้ติดเชื้อ JN.1

ข่าวดีคือ ความรุนแรงของเชื้อ ยังไม่ได้เพิ่มขึ้น เทียบกับสายพันธุ์เก่า ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่น่ากลัว เพราะอาการที่พบในตอนนี้มีดังนี้

  • เจ็บคอมากแบบจู่โจม
  • ไข้ต่ำ ๆ แต่เพลีย
  • น้ำมูกและคัดจมูกเล็กน้อย
  • ลิ้นยังรับรสได้ กลิ่นยังไม่หาย
  • ไม่ค่อยไอหนักเหมือนเดิม แต่ก็ยังมีไอบ้าง

โดยเฉพาะผู้ที่กลับมาจากต่างประเทศ มักมีอาการไอมากกว่าเจ็บคอ สะท้อนให้เห็นว่าสายพันธุ์ที่พบ “อาจจะต่างกัน” จากที่ระบาดในไทย

โควิด 2025

JN.1 ต่างจากสายพันธุ์อื่นยังไง?

สิ่งที่ทำให้ JN.1 น่าจับตามองคือ มัน “กลายพันธุ์แบบเงียบ ๆ” โดยไม่สร้างความเจ็บป่วยหนักเหมือนเดิม แต่แอบแพร่ได้ไวกว่าเดิมมาก

แพทย์บางรายบอกว่า… ตอนนี้บางคนติดโควิดโดยไม่รู้ตัว เพราะอาการน้อย และคิดว่าเป็นหวัดธรรมดา นั่นแหละอันตราย – เพราะติดแล้วก็ออกไปแพร่เชื้อโดยไม่ตั้งใจ

กลุ่มเสี่ยงต้องระวัง – โดยเฉพาะผู้สูงอายุและโรคประจำตัว

แม้คนทั่วไปจะมีอาการเบา ๆ แต่สำหรับคนที่มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน หรือโรคปอด กลับมีโอกาสพัฒนาอาการรุนแรงได้ง่ายมาก

จุดนี้เองที่ทำให้กระทรวงสาธารณสุขยังคงออกคำเตือน ว่าอย่าชะล่าใจ แม้จะอยู่ในช่วงชีวิตหลังโรคระบาดใหญ่

วิธีป้องกันตัวเองจากโควิดสายพันธุ์ JN.1

ถ้าคุณยังไม่อยากเจอ JN.1 หรือไม่อยากเป็นพาหะให้คนในบ้าน ต่อไปนี้คือสิ่งที่ควรทำ

  • ฉีดวัคซีนบูสเตอร์ ที่ออกแบบให้รับมือกับสายพันธุ์ใหม่
  • สวมหน้ากากอนามัย ในที่คนเยอะ เช่น BTS, MRT, ห้าง
  • ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยเจลหรือสบู่
  • หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด หรืออยู่ในที่อากาศถ่ายเท
  • ตรวจ ATK หากมีอาการ หรือไปในพื้นที่เสี่ยง

สถานการณ์โควิด JN.1 ในประเทศไทยตอนนี้

ตอนนี้ในไทย โควิดสายพันธุ์ JN.1 เป็นตัวหลักในการระบาด ไม่ว่าจะในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดใหญ่ ๆ

แม้จะไม่มีการล็อกดาวน์หรือมาตรการคุมเข้มเหมือนอดีต แต่การเฝ้าระวังยังคงจำเป็น – เพราะยิ่งเรา “ไม่ระวัง” ไวรัสมันก็ “ระบาดได้ง่ายขึ้น”

ดูอะไรขอสรุปให้สั้น ๆ สำหรับคนไม่อยากอ่านยาว

  • JN.1 คือโควิดสายพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์จากโอมิครอน
  • อาการไม่รุนแรง แต่แพร่เร็วมาก และติดซ้ำได้
  • กลุ่มเสี่ยงยังต้องระวัง โดยเฉพาะผู้สูงอายุและคนโรคประจำตัว
  • ควรฉีดวัคซีนใหม่ สวมแมสก์ และล้างมือบ่อย ๆ
  • โควิดยังไม่หายไปไหน อย่าเพิ่งชะล่าใจ! มีคนติดทุกวัน!

ขอขอบคุณข้อมูลจาก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจเพิ่มเติมที่ ดูอะไร

Facebook : https://www.facebook.com/dooarai.official